กระแสสกินแคร์ออร์แกนิกมาแรง “วันแอนด์ออล” เร่งเครื่องงัดโปรดักต์สกินแคร์มัลติฟังก์ชัน ชูจุดขายวัตถุดิบธรรมชาติ ใช้งานได้มากกว่า 1 ฟังก์ชั่น 3 in 1 ปูพรมช่องทางออนไลน์-ออฟไลน์ เน้นตอบโจทย์นักกิจกรรมเอาต์ดอร์ พร้อมเดินหน้าส่งสินค้าบุกตลาดต่างประเทศ
นายอภิชาติ เบญจฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ และผู้ก่อตั้งแบรนด์วันแอนด์ออล บริษัท ไบโอ-เวร่า แล็บ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดสกินแคร์มัลติฟังก์ชั่นสายออร์แกนิกในไทยมูลค่ายังน้อย เมื่อเทียบกับตลาดสกินแคร์ทุกๆเซ็กเมนต์ โดยตลาดดังกล่าวเริ่มเติมโตขึ้น เพราะเป็นกระแสของตลาดทั่วโลกทั้งในปัจจุบันและในอนาคตซึ่งพบว่าสินค้าออร์แกนิกกำลังมาแรง ผู้บริโภคยุคใหม่มองหาสินค้าที่ไร้สารเคมี แม้จ่ายแพงกว่าก็ยอมหากสินค้าตอบโจทย์ จึงเป็นโอกาสของธุรกิจสกินแคร์ออร์แกนิกที่จะส่งโปรดักต์เข้าเจาะกลุ่มลูกค้าดังกล่าว ขณะเดียวกันก็ต้องรับมือกับการแข่งขันสูง จะเห็นว่ามีทั้งแบรนด์ไทยและแบรนด์สินค้าต่างประเทศกระโดดเข้ามาในตลาดอยู่เป็นระยะๆ
เช่นเดียวกับบริษัทที่ผ่านมาได้รับจ้างผลิตสินค้าบำรุงผิวครบวงจรและมีผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นมาเองกว่า 200 รายการ อาทิ ไวเทนนิ่ง ผิวขาว, ลดริ้วรอย, ปกป้องแสงแดด และเพื่อรองรับโอกาสสินค้าออร์แกนิก จึงได้ต่อยอดพัฒนาสินค้าภายใต้แบรนด์ วันแอนด์ออล (ONE & ALL) สกินแคร์ออร์แกนิกลอนช์ออกมาวางขายทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ มากว่า 8 ปี ชู. ขายสินค้าที่มีส่วนผสมของธรรมชาติ ใช้งานได้มากกว่า 1 ฟังก์ชั่น โดยครอบคลุมตั้งแต่การสระผม ทำความสะอาดหน้า และทำความสะอาดร่างกาย เป็นต้น ซึ่งได้ออกแบบดีไซน์ให้ใช้งานง่าย พกพาสะดวก เน้นตอบโจทย์การทำกิจกรรมเอาต์ดอร์ โดยเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งวัยเด็กและวัยทำงาน ปัจจุบันวันแอนด์ออลมีสินค้าประมาณ 13 รายการ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์กันแดด ทั้งชนิดครีม สเปรย์ และแบบสติ๊ก ตามด้วยผลิตภัณฑ์ one stop cleanser ทั้ง 4 สูตร แบบ 3 in 1 จบครบในหลอดเดียว รวมถึงผลิตภัณฑ์มัลติฟังก์ชั่น สเปรย์แอลกอฮอล์ ครีมบำรุงและปกป้องผิวหน้า และสเปรย์น้ำแร่ เป็นต้น
ล่าสุด บริษัทได้พัฒนาเว็บไซต์ “oneandallthailand” เพื่อรองรับช่องทางขายออนไลน์ที่เริ่มขยายตัวขึ้นและสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค ควบคู่กับการเพิ่มน้ำหนักช่องทางขายผ่านแพลตฟอร์ม ช้อปปี้ ลาซาด้า ด้วยเช่นกัน ที่ผ่านมาการทำตลาดค่อนข้างท้าทาย เนื่องจากต้นทุนสินค้าค่อนข้างสูง ทำให้ราคาอยู่ในระดับพรีเมี่ยม จึงมุ่งสร้างคอนเทนท์ให้ความรู้เกี่ยวกับตัวสินค้า เพื่อสื่อสารแบรนด์ให้ครอบคลุมมากขึ้น สำหรับช่องทางการจำหน่ายของบริษัทเดิมเน้นขายผ่านแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กเพจ ก่อนวางจำหน่ายผ่านกูร์เมต์มาร์เก็ต สยามพารากอน เอ็มควอเทียร์ เอ็มโพเรียม และร้านขายอุปกรณ์กีฬา
รวมถึงการออกบูทจำหน่ายสินค้าตามงานอีเวนต์และกิจกรรมเอาต์ดอร์ งานกีฬากลางแจ้ง ซึ่งบริษัทมีสัดส่วนยอดขายจากการออกบูทกว่า 50-60% นอกจากการทำตลาดในไทยแล้ว บริษัทยังมีตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง มาเลเซีย ปัจจุบันสินค้าเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยเฉพาะตลาดจีนมีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อเนื่อง จากการทำตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสเพื่อขยายธุรกิจในประเทศใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
เรื่องจาก: ประชาชาติธุรกิจ
https://www.prachachat.net/marketing/news-805944
