อภิชาติ เบญจฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบโอ-เวร่า แล็บ จำกัด ผู้บริหารหนุ่มท่าทางใจดีมีบุคลิกแบบนักกีฬาเต็มตัว ซึ่งสอดคล้องกับธุรกิจที่เขาทำอยู่นั่นเอง เขาเติบโตมาจากธุรกิจที่เป็นแนว OEM ในรุ่นคุณพ่อที่รับจ้างผลิตเครื่องสำอาง แชมพู ครีมนวดผม ผลิตภัณฑ์ดูแลทำความสะอาดร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ครีมดูแลผิวหน้า ผิวกาย รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้านพื้นผิวบ้าน มานานหลายปี
จนกระทั่งเมื่อ 6-7 ปีที่ผ่านมา เขาจึงสร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้นมาชื่อ ONE&ALL ด้วยความที่เขาและครอบครัว รักการออกกำลังกาย ชอบการเดินทาง โดยเฉพาะบุตรชายนั้นเป็นนักกีฬาว่ายน้ำและเรียนไฮสคูลอยู่ที่ประเทศอังกฤษ เขาจึงรู้ดีกว่า นักกีฬาและผู้ที่ชอบการเดินทางนั้นต้องการอะไร

“ผมเริ่มจากเอาปัญหาของลูกชายและตัวเองเป็นหลักในการคิดผลิตภัณฑ์ที่มาตอบโจทย์ตรงนี้ อย่างลูกชายเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ เขาต้องใช้ครีมกันแดด เขาต้องใช้แชมพู ครีมอาบน้ำ โลชั่น จะมาหอบหลายๆขวดหลายๆหลอด ก็ไม่สะดวก ก็มาคิดว่า มีผลิตภัณฑ์เพียงขวดเดียวแต่ใช้ประโยชน์ได้ถึง 3 อย่าง ตั้งแต่ สระผม ล้างหน้า ล้างตัว ตอนแรกทำให้ลูกชายใช้ก่อนพักใหญ่แล้วเราก็ลองใช้เองด้วย เพราะผมก็ออกกำลังกายเยอะผมเป็นนักกีฬาวิ่งเทรล เหงื่อเยอะต้องการผลิตภัณฑ์ที่ลดแบคทีเรีย ลดกลิ่นลดเหงื่อได้ดี”เขาเล่าถึงที่มาของแบรนด์ ONE&ALL ให้ฟัง
โดยผลิตภัณฑ์ของเขามีทั้งหมด 11 ชนิด แบ่งตามประเภทของกิจกรรม เน้น 2 ประเภทหลักๆคือสำหรับนักเดินทางและนักกีฬา เพราะคนเดินทางท่องเที่ยวต้องการลดพื้นที่ในกระเป๋าลดน้ำหนักในกระเป๋าจะพกพาแชมพูสระผม ครีมนวด ครีมอาบน้ำ คงไม่เหมาะโดยเฉพาะผู้ที่ชอบเดินทางแบบแบ็คแพ็ค มีหลอดเดียวครบ สระผม ล้างหน้า ล้างตัว หลอดเดียวอยู่ ซึ่งสินค้าของเขาเน้นความเป็นธรรมชาติลดการใช้สารเคมีให้น้อยที่สุดจากธรรมชาติถึง 97%เกือบจะเป็นออร์แกนิค 100%

โดยเฉพาะครีมกันแดดของแบรนด์นี้มีความเป็นธรรมชาติสูงถึง 99% เด็กเล็กๆ วัย 6-7 ขวบก็ใช้ได้ มีทั้งครีมเป็นแท่ง สเปรย์ กันแดด50++ สำหรับนักกีฬาว่ายน้ำโดยเฉพาะ สินค้าของเขาถือว่าเน้นจุดขายเฉพาะด้านสำหรับนักกีฬาและนักเดินทางโดยตรง
สินค้าของเขาวางจำหน่ายที่ กูร์เม่ต์มาร์เก็ต เดอะมอลล์ สยามพารากอน ร้านขายอุปกรณ์กีฬา ร้านขายจักรยาน คิงเพาเวอร์ออนไลน์ Shopee ลาซาด้า และ FB page ของ One & All Thailand กับ ไลน์ @oneandallthailand
นอกจากนี้ยังส่งไปจำหน่ายที่ สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง มาเลเซีย และอีกหลายประเทศที่กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อส่งออก แต่มาเจอโรคระบาดโควิด ทำให้การส่งออกชะงักงันไปในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ถือว่ากระทบเยอะมาก เพราะว่ากิจกรรมหลายอย่างที่จะจัดต้องหยุดลง ไม่ว่าจะเป็นการแข่งวิ่ง การแข่งว่ายน้ำในสนามใหญ่ๆและการเดินทางท่องเที่ยวที่ข้ามประเทศกันไม่ได้เลยตลอด 1 ปีที่ผ่านมา
พอปลายปีทีผ่านมา เดือนตุลาคมเริ่มจะดีขึ้นก็มาระบาดรอบสอง และเมษายนนี้ก็มาระบาดรอบสาม และทำท่าว่าจะหนักกว่าสองรอบแรกอีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมาทางบริษัทก็ปรับตัวเยอะ ไปเน้นขายออนไลน์มากขึ้น แน่นอนว่ายอดขายลดลง แต่ก็พยายามประคับประคองตัวไปยังไม่ลดเงินเดือนพนักงาน ยังไม่เอาพนักงานออก
โควิดรอบแรกจังหวะดีที่เขาได้ผลิตเจลล้างมือและแอลกอฮอล์มาจำหน่ายได้ทันท่วงที เลยชดเชยยอดขายอื่นที่ลดลงไปได้บ้าง แต่รอบสองของไม่ได้ขาดตลาดเหมือนรอบแรก ก็ยอดขายตกไปอีกเช่นเดิม
“ผมมีบูทีคโฮเทลที่หัวหินก็เงียบ ก่อนรอบสองระบาด เริ่มมียอดจองเข้ามาพอรอบสองมา เงียบอีกกระทบกระเทือนไปหมด รร.อื่นๆที่เคยสั่งครีม แชมพู จากเราก็หยุดสั่ง ตอนนี้ต้องระมัดระวังการทำงานทุกอย่าง ปีที่แล้วก็ทำใจ มาปีนี้คิดว่าจะดีขึ้น แต่กลับจะหนักกว่าเดิมก็ต้องพยายามเรียนรู้และปรับตัวกันไป”เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม
เขากล่าวต่อไปว่าปีนี้คงเป็นปีที่ยากลำบากในการทำธุรกิจอีกปีหนึ่ง ถ้าจะฟื้นตัวได้คงเป็นปีหน้าเมื่อทุกคนได้วัคซีนครบแล้วอัตราการระบาดลดลง ตอนนี้คือพยายามประคองตัวไปประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆเพื่อลดต้นทุนในการทำงานให้มากที่สุด
ถ้าทุกอย่างเข้าที่เข้าทางโรคระบาดชะลอการแพร่กระจายลงไป เขาจะเน้นการขยายตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น มีคู่ค้าทีเริ่มพูดคุยกันไว้แล้ว 2-3 ประเทศมาสะดุดเพราะโควิด ถ้าโควิดหายก็พร้อมเจรจากันต่อไป
“ผมเชื่อว่าหลังจากโควิดซาลง ทั้งการเดินทางท่องเที่ยวและการออกกำลังกายจะกลับมาอย่างรวดเร็วเพราะคนอั้นมานาน โดยเฉพาะการออกกำลัง การเล่นกีฬา ทุกคนอยากแข็งแรงอย่างสุขภาพดี เพราะโควิดชี้ให้เห็นว่าร่างกายที่แข็งแรงมันต้านโรคได้ ในต่างประเทศคนที่ติดแต่พื้นฐานร่างกายแข็งแรงพักอยู่บ้านกินพาราเมื่อไข้ขึ้น ก็หายเองได้ เราหวังว่าทุกอย่าจะดีขึ้นในปีหน้าตอนนี้ก็คิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆไว้อีก 2-3 ตัว ถ้าทุกอย่างจบเราก็ออกสู่ตลาดได้เลยตอนนี้คือทำภายในบริษัทเราให้พร้อมไว้ปีหน้าลุยหนักเลย”เขากล่าวอย่างมีความหวัง
สำหรับหลักการทำงานของเขานั้น คือพยายามทำแต่ละวันให้ดีที่สุดอยู่กับปัจจุบัน ระมัดระวังในการทำงานให้มากขึ้นรัดกุมให้มากขึ้น เพราะมีหลายอย่างที่เหนือการคาดเดา ควบคุมไม่ได้ และเราต้องอยู่กับมันให้ได้ เมื่อมีเหตุการณ์ใดขึ้นมาต้องตั้งสติและรับมือกับมันให้ดีอย่าตระหนกเกินไป
จากเดิมที่เคยวางแผนการทำงานไว้ยาวๆก็ต้องปรับเปลี่ยนแผนเป็นระยะสั้น 2-3 ปีแทนเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะหนทางไม่ได้ราบเรียบอีกต่อไปแล้ว อะไรๆเกิดขึ้นได้เสมอ เราต้องมีความพร้อมในการปรัยตัวอยู่ตลอดเวลา ยึดติดกับรูปแบบเดิมๆไม่ได้อีกแล้ว เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนที่เราต้องเรียนรู้จากมัน ต้องไม่ประมาท ต้องมีสติ ต้องปรับตัวปรับใจ ทีเคยวางแผนไว้ยาวๆต้องทบทวนใหม่หมด
พยายามพัฒนาสินค้าใหม่ๆให้สอดคล้องกับตลาดในปัจจุบัน ให้เข้ากับยุคสมัยเหมาะกับการใช้ชีวิตตอนนี้ พร้อมๆกับมองหาโอกาสในอนาคต ขอให้กำลังใจกับทุกคนให้เข้มแข็งอดทนและผ่านมันไปให้ได้ ใจเย็นๆค่อยๆคิดตั้งสติให้ดีๆทุกอย่างต้องมีทางออกแม้ว่าต้องใช้เวลาบ้างก็ต้องอดทนเขาให้กำลังใจทิ้งท้าย
เรื่อง: อนุสรา ทองอุไร / leaflet789.co